General knowledge

10 ป่าชุมชนน่าเที่ยวทั่วไทย สัมผัสธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชุมชนอย่างยั่งยืน

10 ป่าชุมชนน่าเที่ยวทั่วไทย สัมผัสธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชุมชนอย่างยั่งยืน

ทำความรู้จักกับ10 ป่าชุมชน ของประเทศไทยที่คุณควรไปสัมผัส

ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะป่าไม้ ซึ่งในเมืองไทยไม่ได้มีเพียงป่าอนุรักษ์ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในความดูแลของภาครัฐเท่านั้น แต่ยังมี "ป่าชุมชน" ที่ถือเป็นป่าที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นผืนป่าที่คนในชุมชนร่วมกันดูแล จัดการและใช้ประโยชน์ชุมชนเอง จึงเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างคนกับป่า เพราะไม่เพียงเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเป็นพื้นที่เรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญาพื้นถิ่นและเป็นโอกาสสร้างรายได้แบบท้องถิ่นผ่านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (community-based tourism) ที่ชุมชนเป็นเจ้าของหลัก

การท่องเที่ยวในป่าชุมชนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของผู้คนในท้องถิ่นที่เป็นแหล่งทรัพยากรที่หล่อเลี้ยงชีวิต และระบบนิเวศที่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับวิถีชีวิตของผู้คน ต่อไปนี้คือ 10 ป่าชุมชนน่าท่องเที่ยวของประเทศไทยที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับคุณ

ความสำคัญของป่าชุมชน : หัวใจของการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

  • ความสำคัญทางเศรษฐกิจและทรัพยากร : ป่าคือตู้กับข้าวและคลังยาของชุมชนอย่างแท้จริง เพราะชาวบ้านสามารถเข้าไปเก็บหาของป่าเพื่อเป็นอาหารและยารักษาโรค เช่น เห็ดป่า ผักหวาน หน่อไม้และสมุนไพรต่างๆ การเก็บหาของป่าเหล่านี้เป็นไปอย่างมีกฎระเบียบที่ชุมชนกำหนดขึ้นเอง เพื่อไม่ให้เกิดการทำลายทรัพยากรจนหมดสิ้น

    นอกจากนี้ ป่าชุมชนยังเป็นแหล่งรายได้เสริมที่สำคัญ โดยชาวบ้านสามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์จากป่าเพื่อจำหน่าย เช่น น้ำผึ้งป่าหรือนำไม้ที่ล้มตายมาทำเป็นฟืนและเครื่องจักสาน รวมถึงในหลายพื้นที่ยังถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่สร้างรายได้จากการเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นหรือการจัดที่พักแบบโฮมสเตย์

  • ความสำคัญทางนิเวศวิทยา : ในทางนิเวศวิทยา ป่าชุมชนมีบทบาทสำคัญไม่แพ้ป่าสงวนแห่งชาติ โดยทำหน้าที่เป็นป่าต้นน้ำ ช่วยชะลอการไหลของน้ำ ป้องกันน้ำท่วมและกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ดิน ทำให้มีน้ำใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภคตลอดปี

    ป่าเหล่านี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงเป็นแนวกันชนธรรมชาติที่ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และผลิตก๊าซออกซิเจนให้แก่บรรยากาศ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย

  • ความสำคัญทางสังคมและวัฒนธรรม : ป่าชุมชนเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ในหลายพื้นที่ป่าถูกผูกโยงเข้ากับความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การบวชป่าหรือการจัดทำพิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา ซึ่งเป็นกลไกทางวัฒนธรรมที่ช่วยสร้างสำนึกในการอนุรักษ์ นอกจากนี้ การจัดการป่าของชุมชนยังเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของคนในสังคม ชาวบ้านได้ทำงานร่วมกัน วางกติกาและแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทำให้เกิดความสามัคคี ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจในชุมชนของตนเอง

10 ป่าชุมชนน่าเที่ยวทั่วประเทศไทย

  1. ป่าบ้านห้วยไผ่ จ.พิษณุโลก : ตั้งอยู่ในอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นป่าที่ชาวบ้านร่วมกันดูแลรักษามาอย่างยาวนาน โดยมีเป้าหมายเพื่อพลิกฟื้นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ความพยายามนี้ทำให้บ้านห้วยไผ่กลายเป็นต้นแบบของการจัดการป่าไม้โดยชุมชน นอกจากนั้น ยังมีการทำเกษตรอินทรีย์และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากป่า เช่น เห็ดป่า น้ำผึ้งป่า นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อของฝากเหล่านี้ได้โดยตรงจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นการช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย

    ความน่าสนใจของป่าบ้านห้วยไผ่ นอกจากความสวยงามของผืนป่าแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิธีการทำแนวกันไฟ การปลูกป่าและการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในป่า นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม "เนินมะปราง" ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด

  2. ป่าชุมชนบ้านต้นต้อง จ.ลำปาง : ตั้งอยู่ในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นป่าที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่นี่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของชุมชนในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งสร้างรายได้ ซึ่งชุมชนบ้านต้นต้องมีภูมิปัญญาในการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างชาญฉลาด มีการทำเห็ดหลินจือจากไม้ที่ตายแล้ว และนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและไม่ทำลายป่า นอกจากนั้น ยังมี

    กิจกรรมท่องเที่ยวที่นี่จะเน้นไปที่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติในเส้นทางที่ชุมชนจัดเตรียมไว้ โดยมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นนำทาง นักท่องเที่ยวจะได้ชมพันธุ์ไม้หายาก สัตว์ป่าขนาดเล็กและแหล่งน้ำต่างๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้อีกด้วย

  3. ป่าชุมชนบ้านอ่างน้ำผุด จ.สุราษฎร์ธานี : ป่าแห่งนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใต้ดินอย่างถ้ำ และแหล่งน้ำผุดที่ใสสะอาดและเย็นฉ่ำ โดยชุมชนบ้านอ่างน้ำผุดมีการจัดการท่องเที่ยวโดยคนในชุมชนเอง มีการจัดทำโฮมสเตย์และร้านอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่โดยตรง ความน่าสนใจของสถานที่เที่ยวแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำน้ำผุด ซึ่งเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามและสามารถล่องเรือเข้าไปชมความงามได้ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำผุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ทำให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่เหมาะสำหรับครอบครัว

  4. ป่าชุมชนบ้านกลาง จ.พังงา : ตั้งอยู่ในอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ป่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นป่าผสมผสานระหว่างป่าบกและป่าชายเลน โดยเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยต่างๆ ที่ไหลลงสู่ทะเล ชุมชนบ้านกลางจึงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่าและทะเล มีการทำประมงพื้นบ้านและแปรรูปอาหารทะเล กิจกรรมหลักสำหรับนักท่องเที่ยวของที่นี่ก็คือการพายเรือคายัก เพื่อสำรวจป่าชายเลนและป่าโกงกาง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ชมสัตว์น้ำและสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน รวมถึงการเรียนรู้วิธีการจับปลา ปู หอ และสามารถซื้ออาหารทะเลสดๆ ได้จากชาวบ้าน

  5. ป่าชุมชนบ้านพุทธบาทน้อย จ.สระบุรี : ป่าแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบในพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาที่สำคัญ นอกจากรอยเท้าไดโนเสาร์แล้ว ที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถเดินชมความสวยงามของป่า และเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของพื้นที่ได้ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น น้ำตกและจุดชมวิวที่สวยงาม ซึ่งชุมชนบ้านพุทธบาทน้อยได้ร่วมกันดูแลรักษาพื้นที่ป่าแห่งนี้ เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีการจัดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนและเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนในท้องถิ่น

  6. ป่าชุมชนภูขวาง จ.มุกดาหาร : ตั้งอยู่ในอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ป่าแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของน้ำตกห้วยภูนก ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัด นักท่องเที่ยวสามารถเดินป่าเพื่อไปยังน้ำตกห้วยภูนก ซึ่งมีน้ำใสสะอาดไหลลงมาตามชั้นหินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถเดินชมความหลากหลายของพืชพรรณและสัตว์ป่า โดยชุมชนภูขวางได้ร่วมกันจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่ป่า มีการทำโฮมสเตย์และจำหน่ายอาหารพื้นเมืองให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ

  7. ป่าชุมชนบ้านเขาใหญ่ จ.นครสวรรค์ : ป่าแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เน้นการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศของป่าและแหล่งน้ำ ชุมชนบ้านเขาใหญ่มีการจัดการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วม โดยให้ชาวบ้านเข้ามาเป็นมัคคุเทศก์และผู้ให้บริการด้านต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และส่งเสริมความภาคภูมิใจในท้องถิ่น โดยกิจกรรมหลักของที่นี่คือการเดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติ เพื่อชมความสมบูรณ์ของป่าไม้ และการพายเรือเพื่อชมความสวยงามของแหล่งน้ำและวิถีชีวิตของสัตว์น้ำ

  8. ป่าชุมชนบ้านวังอ้อ จ.นครสวรรค์ : ป่าบ้านวังอ้อเป็นต้นแบบของการฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งชาวบ้านในชุมชนวังอ้อได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและจำหน่ายเป็นของที่ระลึก ที่เป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน ความสนใจของกิจกรรมที่นี่ก็คือการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านในการทำเกษตรแบบผสมผสานและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมีเส้นทางปั่นจักรยานชมทัศนียภาพของป่าและแปลงเกษตรอีกด้วย

  9. ป่าชุมชนเขาขาด จ.กระบี่ : สถานที่แห่งนี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดกระบี่ โดยมีชื่อเสียงในเรื่องของจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลและเกาะแก่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาขาด ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของจังหวัดกระบี่ได้ในมุมกว้าง นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติและชมความหลากหลายทางชีวภาพของป่า ชุมชนเขาขาดได้ร่วมกันดูแลรักษาป่าแห่งนี้ และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ นอกจากนั้น ยังมีการจัดทำร้านอาหารและที่พักแบบเรียบง่ายเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย

  10. ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี จ.กาญจนบุรี : ป่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นป่าเต็งรังที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งรวมของพืชสมุนไพรและเห็ดป่าหายาก กิจกรรมที่น่าสนใจคือการเดินป่าเพื่อสำรวจพันธุ์ไม้และพืชสมุนไพรต่างๆ โดยมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่มีความรู้เรื่องสมุนไพรนำทาง ซึ่งชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคีมีการนำพืชสมุนไพรและเห็ดป่าที่ได้จากป่า มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้และส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไปพร้อมๆ กัน

คำแนะนำการเที่ยวป่าชุมชนอย่างรับผิดชอบ

  • ติดต่อชุมชนหรือหน่วยงานก่อนเดินทาง : สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีการจัดการโดยคนในหมู่บ้านร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น อบต. หรือเครือข่ายป่าชุมชน การติดต่อสอบถามล่วงหน้าจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เช่น เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยว เส้นทางที่ปลอดภัย กิจกรรมที่ชุมชนเปิดให้เข้าร่วม และค่าธรรมเนียมที่เป็นรายได้ของชุมชนโดยตรง

  • เคารพข้อกำหนดและกฎชุมชน : ทุกป่าชุมชนจะมีกฎเฉพาะ เช่น ห้ามเก็บพืชหรือสมุนไพร ห้ามล่าสัตว์ ห้ามทิ้งขยะ และบางแห่งอาจมีข้อกำหนดพิเศษ เช่น ห้ามเข้าไปในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต การเคารพกฎเหล่านี้คือการให้เกียรติชุมชนและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ

  • สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น : เมื่อเลือกพักโฮมสเตย์ กินอาหารพื้นบ้านหรือซื้อของที่ระลึกที่ชาวบ้านผลิตเอง รายได้จะหมุนเวียนกลับสู่ชุมชนโดยตรง และยังช่วยให้ชาวบ้านเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์ป่า เพราะป่าคือทรัพยากรที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

  • เตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสม : การเที่ยวป่าชุมชนแตกต่างจากการเที่ยวในเมือง ควรเตรียมรองเท้าเดินป่าที่กันลื่น เสื้อผ้าที่เบาและแห้งเร็ว น้ำดื่มส่วนตัว ขวดน้ำที่ใช้ซ้ำได้ (เพื่อลดขยะพลาสติก) ยากันยุง และไฟฉายสำหรับกิจกรรมกลางคืน หากเป็นเส้นทางที่มีถ้ำหรือสภาพอากาศเปลี่ยนเร็ว ควรเตรียมเสื้อคลุมเบาๆ เพิ่มด้วย

  • เดินทางอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม : พยายามลดการใช้ยานพาหนะที่ปล่อยคาร์บอน เช่น หากเป็นไปได้เลือกเดินหรือปั่นจักรยานในเส้นทางสั้นๆ และหากต้องนั่งรถให้ใช้การเดินทางรวมกลุ่มเพื่อลดจำนวนรถ นอกจากนี้ควรพกถุงผ้า/กล่องอาหารส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก

  • เปิดใจเรียนรู้และเคารพวิถีชุมชน : ชุมชนท้องถิ่นมักมีความเชื่อและวิถีชีวิตที่อาจแตกต่างจากเรา เช่น ความเชื่อเรื่องป่าศักดิ์สิทธิ์ การแต่งกายเมื่อเข้าร่วมพิธีหรือมารยาทในการถ่ายรูปบุคคล การเปิดใจเรียนรู้และปฏิบัติตามจะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของพื้นที่

  • แบ่งปันประสบการณ์อย่างสร้างสรรค์ : เมื่อคุณกลับจากป่าชุมชน ลองแบ่งปันเรื่องราวผ่านโซเชียลมีเดีย บทความหรือรีวิวในเชิงบวก โดยให้เครดิตชุมชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ วิธีนี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ เที่ยวอย่างยั่งยืน แต่ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ที่เป็นธรรมต่อชุมชนด้วย

ฉะนั้น การท่องเที่ยวในป่าชุมชน จึงไม่เพียงแต่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจในอ้อมกอดของธรรมชาติ แต่ยังเป็นการเปิดใจเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่อยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน เพราะทุกป่าของทุกชุมชนล้วนมีเรื่องราวและเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป การเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเองจึงเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าและมีคุณค่าอย่างยิ่ง

CarbonWatch เราผู้นำเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Carbon Credit รายแรกของไทย เรามีโซลูชั่นด้านการติดตามและประเมินคาร์บอนที่ครอบคลุม ช่วยให้องค์กรและหน่วยงานสามารถตรวจวัดและรายงานข้อมูลการปล่อยและกักเก็บคาร์บอนได้อย่างแม่นยำและโปร่งใส ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อย่างการผสานนวัตกรรมดาวเทียมสำรวจโลกและ AI เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้

ติดต่อ THAICOM PUBLIC COMPANY LIMITED พร้อมให้คำปรึกษา

Related technology

คำถามที่พบบ่อย

No items found.

Get started with CarbonWatch

"Register and easily start your project. Experience a comprehensive carbon management service designed to make your management simple and seamless."

Get Started