ความรู้ทั่วไป

5 ข้อดีของการทำธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอน : ลดต้นทุน-สร้างภาพลักษณ์-ดึงดูดนักลงทุน

5 ข้อดีของการทำธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอน : ลดต้นทุน-สร้างภาพลักษณ์-ดึงดูดนักลงทุน

ทำความรู้จักธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่การมุ่งหวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ส่งผลให้หลายธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจสีเขียว (Green Business) ที่ช่วยลดคาร์บอนหรือการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อโลกของเราเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสและผลประโยชน์ที่สำคัญให้กับองค์กรได้อีกด้วย บทความนี้จะเจาะลึก 5 ข้อดีหลักของการทำธุรกิจสีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางที่คุ้มค่าทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

ธุรกิจสีเขียวคืออะไร? เกี่ยวข้องอย่างไรกับการลดคาร์บอน

ธุรกิจสีเขียว (Green Business) คือการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการจัดการของเสียหลังการใช้งาน โดยหัวใจสำคัญของธุรกิจสีเขียวคือการสร้างสมดุลระหว่างผลกำไรทางเศรษฐกิจกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยไม่ได้มุ่งเน้นแค่การทำกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบเชิงลบต่อโลกของเราให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ธุรกิจสีเขียวช่วยลดคาร์บอนได้อย่างไร

  • การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและพลังงานสะอาด : การใช้พลังงานในกระบวนการผลิตและในสำนักงานเป็นแหล่งที่มาหลักของการปล่อยคาร์บอน เช่น
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน : ติดตั้งหลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงาน, ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานประหยัดพลังงาน, ติดตั้งฉนวนกันความร้อนในอาคารเพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศ และใช้ระบบจัดการอาคารอัตโนมัติ เพื่อควบคุมการใช้พลังงานให้เหมาะสม
  • เปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน : ลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองภายในองค์กร หรือเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ให้บริการที่ใช้แหล่งพลังงานสะอาด เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : เพราะคาร์บอนไม่ได้ถูกปล่อยออกมาแค่ในโรงงาน แต่ยังรวมถึงตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจสีเขียวจึงมุ่งเน้นการปรับปรุงเส้นทางการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น, ใช้ยานพาหนะไฟฟ้าและเลือกใช้ซัพพลายเออร์ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อลดระยะทางและปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ นอกจากนั้น การทำงานร่วมกับคู่ค้าที่ให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอนเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบที่ใช้มีที่มาอย่างยั่งยืนและมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ
  • การลดและรีไซเคิลของเสีย : การผลิตสินค้าใหม่ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจำนวนมาก ธุรกิจสีเขียวจึงใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อลดการใช้วัตถุดิบใหม่ คือการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และนำของเสียไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบใหม่ (Recycle) เพื่อลดความต้องการการผลิตวัตถุดิบจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถซ่อมแซมได้ง่าย หรือออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน เพื่อลดปริมาณขยะและลดการใช้พลังงานในการผลิตสินค้าใหม่
  • การชดเชยคาร์บอน (Carbon Offsetting) : แม้จะลดคาร์บอนได้มากแล้ว แต่ก็อาจยังมีปริมาณคาร์บอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจสีเขียวจึงใช้กลไกการชดเชยคาร์บอน โดยสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน เช่น การปลูกป่า, การลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนหรือการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture) เพื่อนำคาร์บอนที่ปล่อยออกมาไปหักล้างกับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับหรือลดลงจากโครงการที่สนับสนุน

5 ข้อดีของการทำธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอน

  1. ลดต้นทุนการดำเนินงาน (Lower operating costs) : การลงทุนในประสิทธิภาพพลังงานและเทคโนโลยีสะอาดมักคืนทุนผ่านการประหยัดค่าไฟ น้ำ วัสดุ และการบำรุงรักษาที่ลดลง ตัวอย่างเช่น
    • พลังงานคือจุดเริ่มต้นที่ชัดเจน — การปรับปรุงระบบไฟฟ้า/ความร้อน การเปลี่ยนเป็น LED การติดตั้งระบบควบคุมอัตโนมัติ หรือการติดตั้งโซลาร์บนหลังคา สามารถลดต้นทุนพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมได้ (รายงานของ IEA ระบุว่า “energy efficiency” เป็นมาตรการลดคาร์บอนที่คุ้มค่าและเร็วกว่าหลายมาตรการอื่น ๆ)
    • มีรูปแบบการลงทุนที่ลดความเสี่ยงด้านเงินทุน — เช่น “Efficiency-as-a-Service” หรือการใช้ผู้ให้บริการสัญญารับประกันผล (ESCOs) ที่ทำให้ธุรกิจไม่ต้องวางเงินก้อนใหญ่ แต่จ่ายเป็นค่าบริการจากผลประหยัดที่เกิดขึ้นจริง (ที่มา : BASE)
    • ขนาดโอกาสทางเศรษฐกิจใหญ่ — รายงานระบุว่าการใช้เทคโนโลยีและมาตรการประสิทธิภาพพลังงานสามารถลดการใช้พลังงานของภาคธุรกิจได้อย่างมากและสร้างการประหยัดทางการเงินที่จับต้องได้ (ที่มา : Sustainable Energy for All | SEforALLMcKinsey & Company)
    • ผลลัพธ์เชิงปฏิบัติ : ตัดค่าใช้จ่ายฉับพลัน (เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ) ลงได้ต่อเนื่องและมีเงินสดสำหรับลงทุนในนวัตกรรมหรือขยายกิจการ
  2. สร้างภาพลักษณ์แบรนด์และเพิ่มความภักดีของลูกค้า (Brand & customer preference) : ผู้บริโภคสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น โดยมีหลายการสำรวจพบว่าผู้บริโภคยินดีจ่ายเพิ่มและเลือกสินค้าที่มีความยั่งยืน เช่น
    • รายงานจาก NIQNielsen แสดงการเติบโตของสินค้าที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนและชี้ว่ากลุ่มผู้บริโภคที่สนใจเรื่องนี้มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าแบบดั้งเดิม การสื่อสารที่ชัดเจนเรื่องการลดคาร์บอนช่วยสร้างความเชื่อใจและเป็นเหตุผลให้เลือกซื้อซ้ำ
    • ความเสี่ยงจาก 'greenwashing' — การอ้างว่าทำธุรกิจสีเขียวโดยไม่มีหลักฐานหรือการรายงานที่โปร่งใส อาจย้อนแย้งต่อภาพลักษณ์ได้ ดังนั้นความโปร่งใสและรายงานผล เช่น การเปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซ จึงสำคัญ (ที่มา : WIRED)
      ข้อดีเชิงธุรกิจ : เพิ่มความแตกต่างในตลาด ลดอัตราการคืนสินค้า เพิ่มอัตราการซื้อซ้ำและขยายฐานลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

  3.  ดึงดูดนักลงทุนและเข้าถึงแหล่งทุนที่ถูกเงื่อนไข (Attract investors & better financing) : นักลงทุนสถาบันและตลาดเงินมีความสนใจในบริษัทที่จัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศได้ดี ซึ่งบริษัทที่เปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมมักได้รับการประเมินว่ามีโอกาสสร้างมูลค่าได้ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
    • โอกาสทางการเงินจากการลงมือทำจริง — การวิเคราะห์โดย CDP พบว่าบริษัทที่ลงมือใช้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สามารถค้นพบโอกาสของมูลค่าทางธุรกิจสูงกว่าต้นทุนการลงมือทำหลายเท่า (รายงานล่าสุดกล่าวถึงอัตราผลตอบแทนเชิงโอกาสสูงถึงหลายเท่าของต้นทุนการลงทุนในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม)
    • ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ESG — ดัชนี ESG บางส่วนมีการแสดงผลตอบแทนที่ดีเทียบกับดัชนีตลาดกว้าง (เช่น Morningstar พบความสามารถในการเอาชนะตลาดของดัชนี ESG บางชุดในช่วงเวลาหนึ่ง) แม้ภาพรวมผลตอบแทนอาจแตกต่างตามช่วงเวลา แต่ความสนใจของนักลงทุนต่อข้อมูล ESG ยังคงแข็งแกร่ง (ที่มา : indexes.morningstar.comStern School of Business)
    • เครื่องมือทางการเงินสีเขียว — ตลาด green bonds, sustainability-linked loans และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ช่วยให้บริษัทที่มีโครงการลดคาร์บอนได้เข้าถึงเงินทุนที่มีเงื่อนไขดีขึ้น ซึ่งสถาบันอย่าง IFC/World Bank ก็มีบทบาทในการผลักดันตลาดนี้
      ข้อดีเชิงปฏิบัติ : ปรับปรุงโอกาสขอสินเชื่อ/พันธบัตรสีเขียว เงื่อนไขดอกเบี้ยอาจดีกว่าและเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน
  4. ขยายการเข้าถึงตลาดและเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานเป็นข้อได้เปรียบ (Market access & supply-chain advantage) : ลูกค้าองค์กรรายใหญ่ ผู้ซื้อและคู่ค้าเริ่มตั้งข้อกำหนดเรื่องคาร์บอนสำหรับซัพพลายเออร์ หากธุรกิจคุณลดคาร์บอนจริง จะได้เปรียบดังนี้
    • นโยบายและกฎระเบียบที่เข้มขึ้น — เขตอำนาจบางแห่ง เช่น EU มีข้อกำหนดรายงาน (CSRD) ที่บังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ซึ่งส่งผลต่อความต้องการข้อมูลจากซัพพลายเชนและการคัดเลือกผู้ขาย ผู้ที่เตรียมตัวล่วงหน้าจะสบายกว่าเมื่อกฎถูกบังคับใช้อย่างกว้างขวาง (ที่มา : Finance)
    • แรงกดดันจากลูกค้ารายใหญ่ — บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งกำหนดเป้าหมาย Net-Zero และคาดหวังให้ซัพพลายเออร์รายย่อยแสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซ (Scope 3) หรือร่วมแผนลดคาร์บอน การเตรียมพร้อมจะทำให้ไม่ถูกตัดออกจากโอกาสประมูลหรือสัญญาใหญ่ (ที่มา : RMITIME)
    • ความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ — การทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อช่วยลด emissions ของพวกเขาไม่เพียงลด Scope 3 ของธุรกิจคุณ แต่ยังเสริมความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงด้านราคา/วัตถุดิบ (ที่มา : We Mean Business CoalitionBSR)
      ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ : เข้าร่วมการแข่งขันทางการจัดซื้อได้มากขึ้น ได้งานจากลูกค้ารายใหญ่ และลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
  5. ดึงดูดและรักษาพนักงาน, เพิ่มนวัตกรรมและความคล่องตัว (Talent attraction & innovation) : การเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายด้านการลดคาร์บอนที่ชัดเจน จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน เกิดความผูกพันและกระตุ้นนวัตกรรมภายใน เช่น
  6. แรงงานต้องการความหมายของงาน — งานวิจัยของ Deloitte และ HBR พบว่าพนักงานโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennials ให้ความสำคัญกับการที่องค์กรมีเป้าหมายทางสังคมหรือสิ่งแวดล้อม และมักจะเลือกหรืออยู่กับองค์กรที่สะท้อนค่านิยมส่วนบุคคล
  7. นวัตกรรมจากความจำเป็นต้องลดคาร์บอน — การมองหาวิธีลดการปล่อยก๊าซกระตุ้นให้เกิดการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ กระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือบริการที่ให้มูลค่าเพิ่ม ซึ่งกลายเป็นช่องทางรายได้ใหม่ McKinsey & Company ระบุว่าบริษัทที่มุ่งลดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพสามารถใช้ประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสทางตลาดเพื่อนำเงินกลับมาลงทุนต่อ.
  8. ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ : ลดการลาออก (turnover) เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน และกระตุ้นการคิดค้นผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าตระหนักสิ่งแวดล้อม

จะเริ่มทำธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอนอย่างไร

  • วัดก่อนแล้วค่อยทำ : เริ่มจากการวัดการปล่อยก๊าซพื้นฐาน (GHG inventory) — จะช่วยหา hotspots ที่ลดได้คุ้มค่าที่สุด (ที่มา : CDPIEA)
  • ทำ energy audit และหา ‘no-regret’ measures : เปลี่ยนหลอดไฟ ปรับกระบวนการ ทดแทนวัสดุที่สิ้นเปลือง (ที่มา : IEA)
  • พิจารณาการเงินสีเขียว : หากต้องลงทุนขนาดใหญ่ สำรวจ green loans, green bonds หรือผู้ให้บริการแบบ EaaS/ESCOs (ที่มา : IFCBASE)
  • รายงานและโปร่งใส : เปิดเผยข้อมูลพื้นฐานก่อน และลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มการเปิดเผย เช่น CDP หรือเตรียมรายงานตามมาตรฐานที่ลูกค้าต้องการ (เช่น ESRS/CSRD หากทำตลาดยุโรป) (ที่มา :CDPFinance)
  • สื่อสารอย่างจริงจัง (แต่ระวัง greenwashing) : เล่าเรื่องที่ชัดเจน มีตัวเลข เป้าหมาย เวลา และผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้ (ที่มา :WIRED)

การทำธุรกิจสีเขียวที่มุ่งเน้นการลดคาร์บอนไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยช่วยลดต้นทุนในระยะยาวผ่านการประหยัดพลังงานและวัตถุดิบ ทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน ช่วยดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และยังสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับองค์กรอีกด้วย

เพื่อให้การทำธุรกิจสีเขียวที่ช่วยลดคาร์บอนเกิดผลลัพธ์จริง ธุรกิจควรมีเครื่องมือที่ช่วยวัด ติดตามและรายงานผลได้อย่างเป็นระบบ CarbonWatch คือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการคาร์บอน ที่พร้อมให้บริการทั้งการคำนวณ Carbon Footprint ขององค์กร การจัดทำรายงานตามมาตรฐานสากล และการออกแบบแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน ด้วยระบบดิจิทัลที่ใช้งานง่าย ธุรกิจสามารถติดตามผลได้แบบเรียลไทม์ โปร่งใสและตรวจสอบได้ ช่วยให้ทั้งลดต้นทุน สร้างความน่าเชื่อถือและเสริมความได้เปรียบในการแข่งขันบนเส้นทางสู่ Net Zero ได้อย่างมั่นใจ

ติดต่อ THAICOM PUBLIC COMPANY LIMITED พร้อมให้คำปรึกษา

เทคโนโลยีอื่นๆ

คำถามที่พบบ่อย

No items found.

เริ่มต้นกับ CarbonWatch

"ลงทะเบียนและเริ่มสร้างโครงการของคุณได้ง่าย ๆ สัมผัสกับบริการจัดการคาร์บอน การกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้
แบบครบวงจร ที่พร้อมช่วยให้การจัดการของคุณเป็นเรื่องง่าย"

เริ่มเลย