กลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก
องค์ประกอบสำคัญของการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือและเครื่องมืออันหลากหลายในการแก้ไข หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ได้รับการยอมรับและนำมาปรับใช้อย่างกว้างขวางคือ กลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับการลดก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงการดำเนินการของภาคส่วนต่างๆ เข้ากับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศและระดับโลกอีกด้วย
โดยอนาคตของกลไกการซื้อขาย Carbon Credit จะขึ้นอยู่กับการพัฒนากฎเกณฑ์ที่เข้มแข็งภายใต้มาตรา 6 ของความตกลงปารีส การยกระดับมาตรฐานในตลาดภาคสมัครใจ และการบูรณาการกลไกเหล่านี้เข้ากับนโยบายสภาพภูมิอากาศของประเทศต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ความน่าเชื่อถือ และการมุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แท้จริงจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas - GHG) ซึ่งมีหลายระดับ ดังนี้
- เป้าหมายระดับโลก : ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป็นกรอบความร่วมมือระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุด โดยมีเป้าหมายหลักคือการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมและพยายามจำกัดให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส
- เป้าหมายระดับประเทศ (Nationally Determined Contributions - NDCs) : ภายใต้ความตกลงปารีส แต่ละประเทศภาคีต้องจัดทำและนำเสนอเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของตนเอง (NDCs) ซึ่งจะมีการทบทวนและยกระดับความมุ่งมั่นทุกๆ 5 ปี NDCs เหล่านี้เป็นตัวกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายและมาตรการภายในประเทศ รวมถึงการใช้กลไกตลาดคาร์บอน
- เป้าหมายระดับองค์กร/ภาคเอกชน : องค์กรจำนวนมากทั่วโลกได้ตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองโดยสมัครใจ เช่น เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) หรือเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ซึ่งมักจะอาศัยการซื้อ Carbon Credit มาชดเชยการปล่อยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้อมูลอ้างอิง : United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) : โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับความตกลงปารีส https://unfccc.int และ https://unfccc.int/process-and-meetings/the-paris-agreement/article-6-of-the-paris-agreement
ดังที่เคยได้กล่าวไปแล้วว่า คาร์บอนเครดิต คือใบรับรองหรือสิทธิที่แสดงถึงการลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกปริมาณหนึ่งตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO_2e) สิ่งนี้ทำให้ "การลดก๊าซเรือนกระจก" กลายเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ในตลาดคาร์บอน โดยกลไกการซื้อขาย Carbon Credit มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของตลาด ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นตลาดภาคบังคับ ตลาดภาคสมัครใจและตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศภายใต้กรอบความตกลงใหม่ๆ ดังนี้
ประเภทของตลาดในการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
- ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ (Compliance Carbon Market / Regulated Market) : ตลาดประเภทนี้เกิดขึ้นจากกฎหมายหรือข้อบังคับของภาครัฐ ที่กำหนดให้ภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงต้องมีภาระผูกพันในการลดการปล่อย ซึ่งกลไกที่พบบ่อยที่สุดคือระบบจำกัดและค้า (Cap-and-Trade System)โดยมีการทำงาน ดังนี้
- การกำหนดเพดาน : ภาครัฐจะกำหนดเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมสำหรับภาคส่วนที่อยู่ภายใต้ระบบ เพดานนี้จะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการลดก๊าซของประเทศ
- การจัดสรรสิทธิการปล่อย : ภาครัฐจะจัดสรรสิทธิในการปล่อยก๊าซ (Emission Allowances) ให้กับผู้ประกอบการภายใต้ระบบสิทธิแต่ละหน่วยมักจะเท่ากับการปล่อยก๊าซได้ 1 tCO_2e การจัดสรรอาจทำได้โดยการให้เปล่าหรือการประมูล
- การซื้อขาย : ผู้ประกอบการที่สามารถลดการปล่อยก๊าซได้ต่ำกว่าสิทธิที่ตนเองได้รับ สามารถขายสิทธิส่วนเกินให้กับผู้ประกอบการรายอื่นที่ปล่อยก๊าซเกินกว่าสิทธิที่ตนมี หรือมีต้นทุนในการลดก๊าซเรือนกระจกสูงกว่า การซื้อขายนี้สร้างความยืดหยุ่นและช่วยให้การลดการปล่อยโดยรวมเกิดขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด
- การส่งมอบสิทธิและการปฏิบัติตาม : เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาที่กำหนด (เช่น รายปี) ผู้ประกอบการจะต้องส่งมอบสิทธิการปล่อยให้เท่ากับปริมาณก๊าซที่ตนเองปล่อยจริง หากปล่อยเกินสิทธิที่ถือครองและไม่สามารถซื้อสิทธิเพิ่มเติมได้ จะต้องเผชิญกับบทลงโทษ
- การใช้คาร์บอนเครดิตจากภายนอก (Offsets - ในบางระบบ) : บางระบบอนุญาตให้ผู้ประกอบการใช้ Carbon Credit ที่เกิดจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายนอกระบบ เช่น จากโครงการในภาคส่วนอื่นหรือจากกลไก เช่น CDM ในอดีต มาชดเชยการปล่อยของตนเองได้ในสัดส่วนที่จำกัด
- การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย GHG : ระบบ Cap-and-Trade เป็นเครื่องมือโดยตรงในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซที่กำหนดไว้ เนื่องจากเพดานการปล่อยก๊าซ (Cap) จะถูกกำหนดให้สอดคล้องกับเป้าหมาย NDCs หรือเป้าหมายระดับภูมิภาคอย่างระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป (EU ETS), ตลาดคาร์บอนในแคลิฟอร์เนีย, เกาหลีใต้และบางมณฑล/เมืองในจีน
- ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (Voluntary Carbon Market - VCM) : ตลาดนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการขององค์กร ธุรกิจหรือบุคคล ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโดยสมัครใจ ไม่ได้เกิดจากข้อบังคับทางกฎหมายโดยตรง ซึ่งมีกลไกการทำงาน ดังนี้
- การพัฒนาโครงการ (Project Development) : ผู้พัฒนาโครงการจะดำเนินโครงการที่ลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียน การปลูกป่า การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน การจัดการของเสียหรือเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ
- การรับรองมาตรฐาน (Standard Certification) : โครงการจะต้องได้รับการตรวจสอบและทวนสอบปริมาณการลด/กักเก็บก๊าซเรือนกระจก โดยหน่วยงานอิสระตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น Verified Carbon Standard (VCS by Verra), Gold Standard และAmerican Carbon Registry (ACR)
- การออกคาร์บอนเครดิต (Credit Issuance) : เมื่อผ่านการทวนสอบ องค์กรเจ้าของมาตรฐานจะออก Carbon Credit (มักเรียกว่า Verified Emission Reductions - VERs) ให้กับผู้พัฒนาโครงการตามปริมาณก๊าซที่ลดหรือกักเก็บได้จริง
- การซื้อขาย (Trading) : Carbon Credit เหล่านี้สามารถซื้อขายได้หลายช่องทาง เช่น การซื้อขายโดยตรงที่ผู้ซื้อตกลงซื้อขายกับผู้พัฒนาโครงการหรือนายหน้าโดยตรง, ผ่านนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขาย หรือผ่านแพลตฟอร์มหรือตลาดกลาง ที่เริ่มมีแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจมากขึ้นในปัจจุบัน
- การยกเลิกเครดิต (Credit Retirement) : เมื่อผู้ซื้อนำ Carbon Credit ไปใช้เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซของตนเองแล้ว เครดิตนั้นจะต้องถูกยกเลิกในระบบทะเบียนเพื่อป้องกันการนำไปใช้อีก
- การเชื่อมโยงกับเป้าหมาย GHG : VCM ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนภาคสมัครใจ (เช่น Carbon Neutrality, Net Zero Pledges) โดยการชดเชยการปล่อยก๊าซที่ไม่สามารถลดได้เอง นอกจากนี้ VCM ยังเป็นช่องทางสำคัญในการระดมทุนสำหรับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกที่อาจไม่เข้าเกณฑ์ของตลาดภาคบังคับ หรืออยู่ในประเทศที่ยังไม่มีตลาดภาคบังคับที่เข้มแข็ง ซึ่งทางอ้อมก็ช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย NDCs ของประเทศนั้นๆ
- ผู้ซื้อหลัก : บริษัทที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR), บรรลุเป้าหมาย Net Zero, สร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นกลางทางคาร์บอน หรือตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและผู้บริโภค
- ตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศภายใต้ความตกลงปารีส (Article 6 Mechanisms) : ความตกลงปารีสมาตรา 6 กำหนดกรอบสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกตลาด ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาและเริ่มนำมาใช้ โดยมี 2 กลไกหลักดังนี้
- 6.2 (Cooperative Approaches - การดำเนินการร่วมกัน) : การอนุญาตให้ประเทศต่างๆ สามารถร่วมมือกันในการดำเนินกิจกรรมลดก๊าซและโอนผลการลดก๊าซที่ถ่ายโอนระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes - ITMOs) เพื่อนำไปนับรวมในการบรรลุเป้าหมาย NDCs ของตนเอง การซื้อขาย ITMOs สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านข้อตกลงทวิภาคีหรือพหุภาคี
ซึ่งต้องมีการปรับแก้ที่สอดคล้องกันในบัญชีก๊าซเรือนกระจกของประเทศผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อหลีกเลี่ยงการนับซ้ำ (Double Counting) ของผลการลดก๊าซหน่วยเดียวกันในการบรรลุ NDCs โดยมาตรานี้มีการเชื่อมโยงกับเป้าหมาย GHG ช่วยให้ประเทศต่างๆ บรรลุ NDCs ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้านต้นทุนมากขึ้น และส่งเสริมการยกระดับเป้าหมาย โดยการเข้าถึงโอกาสในการลดก๊าซที่หลากหลายและมีต้นทุนต่ำกว่าในประเทศอื่น - มาตรา 6.4 (Sustainable Development Mechanism - SDM) : เป็นกลไกแบบรวมศูนย์ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรระดับนานาชาติ เพื่อสร้างและค้าคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจก (คล้ายกับ CDM ในอดีต แต่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่า) เครดิตจากกลไกนี้สามารถนำไปใช้เพื่อบรรลุ NDCs หรือวัตถุประสงค์อื่น เช่น ตลาดภาคสมัครใจ หรือการชดเชยการปล่อยก๊าซของภาคการบินระหว่างประเทศ (CORSIA)
- 6.2 (Cooperative Approaches - การดำเนินการร่วมกัน) : การอนุญาตให้ประเทศต่างๆ สามารถร่วมมือกันในการดำเนินกิจกรรมลดก๊าซและโอนผลการลดก๊าซที่ถ่ายโอนระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes - ITMOs) เพื่อนำไปนับรวมในการบรรลุเป้าหมาย NDCs ของตนเอง การซื้อขาย ITMOs สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านข้อตกลงทวิภาคีหรือพหุภาคี
เป้าหมายสำคัญของมาตรานี้คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของโลก ซึ่งหมายความว่าส่วนหนึ่งของเครดิตที่เกิดขึ้นจะต้องถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ ไม่นำไปนับในเป้าหมายใด เพื่อให้เกิดผลบวกต่อการลดการปล่อยก๊าซสุทธิของโลก นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนกองทุนปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย
สถานการณ์ในประเทศไทยของกลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
ประเทศไทยดำเนินกลไกตลาดคาร์บอนผ่านระบบ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) ภายใต้การกำกับของ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เพื่อส่งเสริมโครงการที่ลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในประเทศ เช่น โครงการปลูกป่าในชุมชน, การผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล และ โครงการจัดการขยะชุมชน โดยภาคธุรกิจไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตมากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ESG และ Carbon Neutrality
กลไกการซื้อขาย Carbon Credit ได้พัฒนามาเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายและเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนต่างๆ เข้ากับเป้าหมายระดับชาติและระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นผ่านระบบ Cap-and-Trade ในตลาดภาคบังคับ ความต้องการชดเชยโดยสมัครใจในตลาดภาคสมัครใจ หรือความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้มาตรา 6 ของความตกลงปารีส กลไกเหล่านี้ช่วยสร้างแรงจูงใจทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน และส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด อย่างไรก็ตาม การรักษาความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมและความน่าเชื่อถือของเครดิตยังคงเป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่ากลไกการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะสามารถสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน
CarbonWatch เราผู้นำเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสิ่งแวดล้อม และ คาร์บอนเครดิต รายแรกของไทย เราผสานนวัตกรรม ดาวเทียมสำรวจโลก และ AI เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้ เรามุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ลดก๊าซเรือนกระจก อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเครดิตคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนในตลาด Carbon Credit มาตรฐาน
ติดต่อ THAICOM PUBLIC COMPANY LIMITED พร้อมให้คำปรึกษา

ที่มา: องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) www.tgo.or.th
ที่มาของข้อมูล : https://icapcarbonaction.com
แหล่งข้อมูลอ้างอิง