การเชื่อมโยงโครงการคาร์บอนเครดิตกับกลยุทธ์ ESG ขององค์กร

การผนวกคาร์บอนเครดิตเข้ากับกลยุทธ์ ESG ขององค์กรทำได้อย่างไร?

ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อยๆ การผนวกโครงการคาร์บอนเครดิต เข้ากับกลยุทธ์ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล) ขององค์กร ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่ยังสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่สามารถเชื่อมโยงกับกลยุทธ์ ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือโครงการ Carbon Credit ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจก พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม โดยบทความนี้จะอธิบายขั้นตอนการเชื่อมโยงทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันกับองค์กรอย่างละเอียด

 

ทำความเข้าใจกับคาร์บอนเครดิตและ ESG

• Carbon Credits :
  คือใบรับรองที่ออกให้แก่โครงการที่สามารถลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) โดยผู้ที่ถือครอง Carbon Credit สามารถนำไปใช้เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองหรือซื้อขายในตลาดคาร์บอนได้
  
  
• ESG (Environmental, Social, and Governance) :
  คือกรอบการประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรในมิติที่ไม่ใช่ทางการเงิน โดยมุ่งเน้นที่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคมและการกำกับดูแลกิจการที่ดี การดำเนินงานตามแนวทาง ESG ช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล

ขั้นตอนการเชื่อมโยงโครงการคาร์บอนเครดิตกับกลยุทธ์ ESG

1. การประเมินและทำความเข้าใจบริบทขององค์กร : เช่น

• ระบุแหล่งที่มาและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก : เริ่มต้นด้วยการคำนวณและประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดขององค์กร (Carbon Footprint) ตั้งแต่ขอบเขต 1 (การปล่อยโดยตรง) ขอบเขต 2 (การปล่อยจากพลังงานที่ซื้อมา) และขอบเขต 3 (การปล่อยทางอ้อมจากห่วงโซ่คุณค่า) ข้อมูลนี้จะเป็นพื้นฐานในการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อย
  
  
• วิเคราะห์กลยุทธ์ ESG ปัจจุบัน : ตรวจสอบกลยุทธ์ ESG ที่องค์กรมีอยู่แล้ว พิจารณาว่าเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในกลยุทธ์ ESG สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอนอย่างไรและมีส่วนใดที่สามารถเสริมสร้างกันได้
  
  
• ประเมินความเสี่ยงและโอกาส : วิเคราะห์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการมีส่วนร่วมในตลาดคาร์บอน

 

2. การกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์

• กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก : ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ (SMART goals) สำหรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การตั้งเป้าหมายตามหลักการ Science-Based Targets Initiative (SBTi) เพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงปารีส
  
  
• บูรณาการคาร์บอนเครดิตเข้ากับเป้าหมาย ESG : ระบุว่าจะใช้คาร์บอนเครดิตอย่างไรในการบรรลุเป้าหมาย ESG โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม (E) เช่น การใช้ Carbon Credit เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนที่เหลือหลังจากการลดการปล่อยภายในองค์กรแล้ว
  
  
• พัฒนากลยุทธ์การได้มาซึ่ง Carbon Credit : ตัดสินใจว่าองค์กรจะสร้างคาร์บอนเครดิตขึ้นเอง (เช่น ผ่านโครงการปลูกป่าหรือโครงการพลังงานหมุนเวียน) หรือจะซื้อเครดิตจากตลาด
  
  

3. การดำเนินโครงการ Carbon Credit

• เลือกประเภทโครงการที่เหมาะสม : พิจารณาประเภทโครงการที่สอดคล้องกับธุรกิจและเป้าหมายขององค์กร เช่น
  
  
  • โครงการลดการใช้พลังงานฟอสซิล : การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน (โซลาร์เซลล์, พลังงานลม) หรือการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
    
    
  • โครงการลดก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต : การเปลี่ยนวัตถุดิบ หรือปรับปรุงกระบวนการผลิต
    
    
  • โครงการกักเก็บคาร์บอน : การปลูกป่า การฟื้นฟูป่า การจัดการพื้นที่เกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
    
    
• การพัฒนาหรือการซื้อคาร์บอนเครดิต :
  
  
  • กรณีพัฒนาเอง : ต้องดำเนินการตามระเบียบวิธีการของมาตรฐานคาร์บอนที่เลือก (เช่น T-VER ของประเทศไทยหรือมาตรฐานสากลอย่าง Verra, Gold Standard) ซึ่งรวมถึงการจัดทำเอกสารโครงการ การวัดผล การตรวจสอบและการออกเครดิต
    
    
  • กรณีซื้อ : เลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบคุณภาพและแหล่งที่มาของคาร์บอนเครดิต และความโปร่งใสในการดำเนินงานของโครงการ
    
    
• การจัดการและการติดตามโครงการ : กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนในการดำเนินโครงการ การติดตามผลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการดูแลเอกสารที่เกี่ยวข้อง

4. การรายงานและการสื่อสาร

• รายงานผลการดำเนินงาน ESG และ Carbon Credit : จัดทำรายงานความยั่งยืนที่ครอบคลุมผลการดำเนินงานด้าน ESG และการใช้คาร์บอนเครดิตอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ อาจอ้างอิงกรอบการรายงานที่เป็นที่ยอมรับ เช่น Global Reporting Initiative (GRI) หรือ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD)
  
  
• สื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย : สื่อสารความมุ่งมั่นและผลสำเร็จขององค์กรในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและคาร์บอนเครดิตไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ เช่น นักลงทุน ลูกค้า พนักงาน คู่ค้าและสาธารณชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี
  
  
• การตรวจสอบจากบุคคลที่สาม : พิจารณาให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบและรับรองข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ Crebon Credit เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส

5. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

• ทบทวนและประเมินผล : ประเมินประสิทธิภาพของโครงการคาร์บอนเครดิตและผลกระทบต่อกลยุทธ์ ESG อย่างสม่ำเสมอ เพื่อระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง
  
  
• ปรับปรุงเป้าหมายและกลยุทธ์ : ปรับปรุงเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและกลยุทธ์ Carbon Credit ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบ เทคโนโลยีและความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
  
  
• นวัตกรรมและการลงทุนเพิ่มเติม : มองหาโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือโครงการที่เป็นนวัตกรรมที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากยิ่งขึ้น

 

ตัวอย่างการเชื่อมโยงโครงการคาร์บอนเครดิตกับกลยุทธ์ ESGในภาคธุรกิจ

• SCG : มีโครงการซื้อ Carbon Credit จากภาคเกษตรและรวมไว้ในรายงาน ESG พร้อมเป้าหมาย Net Zero 2050
  
  
• PTT : ส่งเสริมโครงการปลูกป่าในพื้นที่ของบริษัทและพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายCarbon Creditในประเทศไทย
  
  
• กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร : ใช้ระบบฟาร์มอัจฉริยะเพื่อลดการปล่อย และนำผลมาคิดเป็นเครดิต CO₂ เพื่อลดต้นทุนและเสริมภาพลักษณ์
  
  การเชื่อมโยงโครงการคาร์บอนเครดิตเข้ากับกลยุทธ์ ESG ขององค์กรเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนแต่ให้ผลตอบแทนสูง การดำเนินงานอย่างรอบคอบและเป็นระบบตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ลดความเสี่ยง สร้างมูลค่าและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในโลกธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยหลักการ ESG ได้อย่างแท้จริง
  

CarbonWatch เราผู้นำเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสิ่งแวดล้อม และคาร์บอนเครดิตรายแรกของไทย เราผสานนวัตกรรมดาวเทียมสำรวจโลกและ AI เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้ เรามุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเครดิตคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนในตลาด Carbon Credit มาตรฐาน