Carbon Credit กับการลงทุนสีเขียว
อย่างที่ทราบกันดีว่า การลงทุนสีเขียว (Green Investment) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่มีบทบาทเข้ามาช่วยกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจ ให้แก่ภาคธุรกิจและหลายประเทศทั่วโลก ต่างมองหาการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งจะช่วยทำให้มี Carbon Credit เพื่อนำไปซื้อขายกันได้ในตลาดคาร์บอน เมื่อนักลงทุนหรือบริษัทสามารถขายคาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการเหล่านี้ก็จะสามารถสร้างรายได้มากขึ้นและลดความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว
ยิ่งถ้ามีระบบคาร์บอนเครดิตเข้มแข็งและโปร่งใสด้วยแล้ว ก็จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนในโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นได้ เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล), โครงการฟื้นฟูป่าไม้และอนุรักษ์ป่า (REDD+), เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บทบาทของ Carbon Credit ในการดึงดูดนักลงทุน
- สร้างแรงจูงใจทางการเงินและเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน : หัวใจสำคัญของบทบาทคาร์บอนเครดิต คือการสร้างรายได้เสริมให้กับโครงการสีเขียวหรือโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น โครงการพลังงานหมุนเวียน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน โครงการจัดการของเสียหรือโครงการปลูกป่า ซึ่งสามารถสร้าง Carbon Credit จากการดำเนินงานได้
โดยรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตนี้จะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ทำให้โครงการเหล่านี้มีความน่าสนใจทางการเงินมากขึ้นสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่มีต้นทุนเริ่มต้นสูงหรือไม่คุ้มทุนในระยะแรก ตัวอย่างเช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่อาจมีต้นทุนการลงทุนสูง แต่เมื่อสามารถพิสูจน์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้จากการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ก็จะสามารถสร้างและขายคาร์บอนเครดิตได้ ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะเข้ามาเสริมสภาพคล่องและลดระยะเวลาคืนทุนให้กับโครงการ
- เพิ่มมูลค่าทางการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร : สำหรับบริษัทที่ลงทุนในโครงการที่สร้าง Carbon Credit การถือครองหรือการนำเสนอคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินงานของตนเอง เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มมูลค่าทางการตลาด รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน ซึ่งดึงดูดนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance)
- เป็นกลไกในการระดมทุนและสนับสนุนนวัตกรรม : นักลงทุนสถาบัน กองทุนสีเขียวและแม้แต่นักลงทุนรายย่อย ก็เริ่มมองหาโครงการที่มีศักยภาพในการสร้าง Carbon Credit เพื่อรวมอยู่ในพอร์ตการลงทุนของตน คาร์บอนเครดิตจึงเป็นช่องทางใหม่ในการระดมทุนสำหรับโครงการสีเขียว โดยเฉพาะโครงการนวัตกรรมใหม่ๆ ที่อาจยังไม่มีแหล่งเงินทุนดั้งเดิมรองรับ การมีตลาดคาร์บอนรองรับทำให้โครงการเหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
- ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : การที่คาร์บอนเครดิตกลายเป็นแหล่งรายได้ ทำให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage - CCS) หรือเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะที่ลดการปล่อยก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์
- ลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน : โครงการที่ได้รับ Carbon Credit ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานสากลจะมีความน่าเชื่อถือสูง ช่วยให้นักลงทุนมั่นใจว่ากำลังลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น การมีแหล่งรายได้จากคาร์บอนเครดิต ช่วยลดความผันผวนของรายได้หลัก จากโครงการ เช่น ในกรณีที่ราคาพลังงานผันผวนหรือความต้องการใช้พลังงานเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรายได้จากคาร์บอนเครดิตสามารถทำหน้าที่เป็นกันชน ช่วยให้โครงการมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นและลดความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องเผชิญ
ตัวอย่างประเทศที่ใช้ Carbon Credit ดึงดูดการลงทุน
- ชิลี : เปิดระบบตลาดคาร์บอนสมัครใจ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยมีโครงการฟื้นฟูป่าไม้และพลังงานแสงอาทิตย์เป็นหัวใจหลัก ที่มา: UNDP Climate Promise
- อินโดนีเซีย : เปิดแพลตฟอร์ม Bursa Karbon Indonesia ในปี 2023 เพื่อซื้อขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ หวังดึงดูดการลงทุนจากโครงการป่าชุมชนและพลังงานหมุนเวียน ที่มา: Reuters - Indonesia launches carbon exchange
- ประเทศไทย : ภายใต้ TGO (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก) มีโครงการ T-VER ที่สนับสนุนโครงการชดเชยคาร์บอนจากภาคเอกชน โดยสามารถขาย Carbon Credit ได้ในตลาดคาร์บอนของไทย ที่มา: TGO Thailand
แนวโน้มในอนาคต Carbon Credit จะยิ่งสำคัญ
จากการคาดการณ์ของ McKinsey & Company ปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2021 ตลาด VCM มีมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษหน้า ในตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจจะมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ซึ่งแสดงถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากภาคเอกชนและนักลงทุนทั่วโลก (ที่มา: Ecosystem Marketplace, McKinsey & Company)
แม้จะมีความท้าทาย แต่โอกาสของCarbon Creditในการขับเคลื่อนการลงทุนสีเขียวนั้นมหาศาล เช่น
- แรงผลักดันจากภาคเอกชน : บริษัททั่วโลกจำนวนมากตั้งเป้าหมาย Net Zero และ Carbon Neutrality ซึ่งจะสร้างอุปสงค์มหาศาลต่อคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพสูง
- การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ : คาร์บอนเครดิตจะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวใหม่ๆ เช่น การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวหรือการเกษตรอัจฉริยะ
- การรวมตลาดคาร์บอนทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจเข้าด้วยกัน : จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพของตลาด
- การสนับสนุนจากภาครัฐ : ผ่านการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน การสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายและการให้แรงจูงใจทางการเงิน จะยิ่งส่งเสริมบทบาทของCarbon Credit
- การเชื่อมโยงกับการเงินที่ยั่งยืน : คาร์บอนเครดิตจะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือทางการเงินที่ยั่งยืนอื่นๆ เช่น พันธบัตรสีเขียว (Green Bonds) และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loans)
- การมีส่วนร่วมของชุมชน : โครงการคาร์บอนเครดิตที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่น เช่น โครงการป่าไม้ชุมชน จะได้รับความสนใจและได้รับการสนับสนุนมากขึ้น
Carbon Credit ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนสีเขียว ด้วยความสามารถในการสร้างแรงจูงใจทางการเงิน ลดความเสี่ยงและเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้จะมีความท้าทายในด้านความน่าเชื่อถือ การวัดผลและความผันผวนของราคา แต่ด้วยความมุ่งมั่นของภาครัฐ ภาคเอกชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการสร้างกรอบการทำงานที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ ตลาดคาร์บอนเครดิตมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการลงทุนสีเขียวอย่างแพร่หลาย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
CarbonWatch เราผู้นำเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสิ่งแวดล้อม และคาร์บอนเครดิตรายแรกของไทย เราผสานนวัตกรรมดาวเทียมสำรวจโลกและ AI เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้ เรามุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเครดิตคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนในตลาด Carbon Credit มาตรฐาน
ติดต่อ THAICOM PUBLIC COMPANY LIMITED พร้อมให้คำปรึกษา
