ตลาด Carbon Credit โอกาสใหม่ของนักลงทุนสีเขียว
เหตุผลที่ Carbon Credit กลายเป็นโอกาสของนักลงทุน
ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก กระแสการลงทุนเพื่อความยั่งยืน หรือการลงทุนสีเขียว (Green Investment) ได้กลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่ทรงพลังที่สุดแห่งทศวรรษ เพราะนักลงทุนไม่ได้มองหาเพียงผลตอบแทนทางการเงินอีกต่อไป แต่ยังต้องการเห็นเม็ดเงินของตนเองสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย โดยในภูมิทัศน์ของการลงทุนสีเขียวนี้ ตลาดคาร์บอนเครดิต ( Carbon Credit Market) ได้ผงาดขึ้นมาเป็นหนึ่งในโอกาสที่น่าจับตามองที่สุด เปรียบเสมือนทองคำสีเขียวแห่งยุคใหม่ที่เปิดประตูให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนไปพร้อมกับการร่วมแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศได้อย่างเป็นรูปธรรม… และแน่นอนว่าในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจอย่างละเอียดว่า ทำไมตลาดคาร์บอนเครดิตจึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่นักลงทุนสายสีเขียวไม่ควรมองข้าม
Carbon Credit : สกุลเงินแห่งการลดโลกร้อน
นั่นเพราะ 1 คาร์บอนเครดิต มีค่าเท่ากับการลดหรือกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) หรือก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่เทียบเท่า ได้ในปริมาณ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (1 tCO2e) โดน เครดิตเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่เกิดจากโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จับต้องได้และสามารถวัดผลได้จริง เช่น
- โครงการพลังงานหมุนเวียน : การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม แทนที่การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
- โครงการปลูกป่าและอนุรักษ์ป่า (Nature-based Solutions) : ป่าไม้ทำหน้าที่เป็นอ่างกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติ การปลูกป่าใหม่ (Afforestation) หรือการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า (Avoided Deforestation) สามารถสร้าง Carbon Credit ได้มหาศาล
- โครงการด้านประสิทธิภาพพลังงาน : การปรับปรุงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมให้ใช้พลังงานน้อยลง หรือการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ในอาคาร
- โครงการจัดการของเสีย : การนำก๊าซมีเทนจากหลุมฝังกลบขยะหรือฟาร์มปศุสัตว์มาผลิตเป็นพลังงาน แทนที่จะปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ
หัวใจสำคัญของโครงการเหล่านี้ จะต้องเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากการขายคาร์บอนเครดิต และปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจะต้องผ่านการตรวจวัด รายงานและทวนสอบ (MRV - Measurement, Reporting, and Verification) จากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือตามมาตรฐานสากล เช่น Verra (Verified Carbon Standard - VCS), Gold Standard หรือในบริบทของไทยคือ โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program - T-VER) ที่บริหารจัดการโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO
ทำไม Carbon Credit จึงเป็นโอกาสทองของนักลงทุนสีเขียว?
- การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดโลก : ตลาดคาร์บอนเครดิตทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามการเร่งลดคาร์บอนของภาคธุรกิจและรัฐบาลทั่วโลก ตามรายงานของ McKinsey คาดว่าภายในปี 2030 ตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจอาจมีมูลค่ารวมสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเปิดโอกาสทางการลงทุนอย่างมหาศาล (ที่มา : https://www.mckinsey.com)
- แรงผลักดันจากเป้าหมาย Net Zero : หลายบริษัทใหญ่ระดับโลก เช่น Microsoft, Google, Nestlé หรือ Apple ได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero หรือ Carbon Neutral โดยต้องหาวิธีลดคาร์บอนที่ปล่อยออกมาให้เป็นศูนย์ ส่วนใหญ่ต้องอาศัยการซื้อ Carbon Credit เพื่อชดเชย ซึ่งทำให้ดีมานด์ในตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ที่มา : https://sciencebasedtargets.org และ https://zerotracker.ne)
- การเชื่อมโยงกับ ESG และ Sustainable Investing : นักลงทุนสมัยใหม่ โดยเฉพาะกองทุนใหญ่ๆ เช่น BlackRock หรือ Vanguard หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) โดยพิจารณา ESG เป็นหนึ่งในเกณฑ์หลัก คาร์บอนเครดิตจึงเป็นสินทรัพย์ที่เข้ากันได้ดีกับแนวคิดนี้ (ที่มา : https://www.blackrock.com, https://www.msci.com และ https://hbr.org)
- ผลตอบแทนจากมูลค่าเครดิตที่เพิ่มขึ้น : ในหลายกรณีมูลค่าของCarbon Credit มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น คาร์บอนเครดิตจากโครงการปลูกป่าที่ได้รับมาตรฐาน Verified Carbon Standard (VCS) มีราคาที่สูงขึ้นตามดีมานด์ โดยเฉพาะโครงการที่มีองค์ประกอบทางสังคมร่วมด้วย เช่น การจ้างงานในชุมชน
- โอกาสในการลงทุนหลากหลายรูปแบบ : นักลงทุนสามารถเข้าไปมีบทบาทในตลาดคาร์บอนได้หลายทาง เช่น
- ลงทุนในโครงการผลิตเครดิต เช่น โครงการปลูกป่า หรือพลังงานทดแทน
- ลงทุนในบริษัทหรือกองทุนที่ดำเนินธุรกิจด้านคาร์บอนเครดิต
- ซื้อขายเครดิตในตลาดรองเพื่อเก็งกำไร
- สร้างแพลตฟอร์มซื้อขายเครดิตแบบ Blockchain ที่โปร่งใสและเข้าถึงได้ง่าย
ตัวอย่างในประเทศไทย
ประเทศไทยเองก็เริ่มให้ความสำคัญกับตลาด Carbon Creditโดยมี องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ทำหน้าที่ออกและรับรองเครดิตผ่านโครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) และมีตลาดซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง TGO Exchange นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาเครดิตในภาคเกษตรกรรม เช่น การใช้ชีวมวลหรือการฟื้นฟูป่าชุมชน ที่ไม่เพียงแต่ลดคาร์บอน แต่ยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว
ความท้าทายและข้อควรพิจารณาการลงทุนในตลาด Carbon Credit
แม้จะเต็มไปด้วยโอกาส แต่ตลาดคาร์บอนเครดิตก็มีความท้าทายที่นักลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ อาทิ
- คุณภาพและความน่าเชื่อถือของเครดิต : ไม่ใช่ทุกเครดิตจะถูกสร้างขึ้นมาอย่างเท่าเทียมกัน มีความเสี่ยงจากการลงทุนในโครงการคุณภาพต่ำที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง หรือที่เรียกว่า Hot Air ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อครหาด้านการฟอกเขียว (Greenwashing) ดังนั้น การตรวจสอบอย่างละเอียด และเลือกซื้อเครดิตที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- ความผันผวนของราคา : เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่นๆ ราคา Carbon Credit มีความผันผวนสูง โดยได้รับอิทธิพลจากนโยบายภาครัฐ, สภาวะเศรษฐกิจและกระแสสังคม เพราะราคาคาร์บอนขึ้นอยู่กับนโยบายและดีมานด์ในตลาด ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
- ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ : กฎเกณฑ์ของตลาดคาร์บอนยังคงอยู่ในช่วงของการพัฒนาทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเครดิตได้
สำหรับนักลงทุนสีเขียว นี่คือโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการผสานเป้าหมายทางการเงินเข้ากับเป้าหมายด้านความยั่งยืน การลงทุนใน Carbon Credit ไม่ใช่แค่การซื้อขายอากาศ แต่คือการลงทุนในอนาคตที่สะอาดกว่า, การสนับสนุนนวัตกรรมสีเขียว, การฟื้นฟูระบบนิเวศ และการสร้างโลกที่น่าอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป ขณะเดียวกันก็เปิดประตูสู่ศักยภาพการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ในระยะยาว ฉะนั้น การเลือกลงทุนในตลาดคาร์บอนเครดิตจึงอาจเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดที่สุดครั้งหนึ่ง ทั้งสำหรับสุขภาพของพอร์ตโฟลิโอ และสุขภาพของโลกที่เราทุกคนอาศัยอยู่ร่วมกัน
CarbonWatch เราผู้นำเทคโนโลยีอวกาศเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Carbon Credit รายแรกของไทย เราผสานนวัตกรรมดาวเทียมสำรวจโลกและ AI เพื่อประเมินการกักเก็บคาร์บอนในต้นไม้ เรามุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อม และ ลดก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างเครดิตคาร์บอน เพื่อลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนในตลาด Carbon Credit มาตรฐาน
ติดต่อ THAICOM PUBLIC COMPANY LIMITED พร้อมให้คำปรึกษา

ที่มา :
https://hub.mnre.go.th/th/knowledge/detail/66038?utm_source=chatgpt.com
https://www.thestorythailand.com/27/04/2023/98034/?utm_source=chatgpt.com